ในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีในการยืนยันตัวตนได้รับการพัฒนาจนมีความหลากหลาย มีรูปแบบที่มากมายหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละหน่วยงานและองค์กรต่างๆ จะเลือกนำเทคโนโลยีใดเข้ามาใช้ โดย Biometric นั้นก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในขณะนี้
บทความนี้ ทาง dIA จึงอยากจะชวนให้คุณมาทำความรู้จักกับ Biometric Technology ให้มากขึ้น ว่า Biometric Technology คืออะไร และbiometric มีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันของพวกเราอย่างไรบ้าง
![biometric](https://www.dia.co.th/wp-content/uploads/2023/08/Jul1-1.jpg)
Biometric Technology คือเทคโนโลยีอะไร
Biometric Technology คือ เทคโนโลยีในการอ่านอัตลักษณ์ทางร่างกายของเรา เช่น ลายนิ้วมือ ใบหน้า ม่านตา หรือน้ำเสียง เพื่อนำมาใช้แทนรหัสต่างๆ ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เปลี่ยนจากเดิมที่ต้องใช้ password ในการเข้ารหัส
โดยสาเหตุที่นำเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ หรือ biometric มาใช้คือ มันเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความสะดวกและคล่องตัวมากกว่าเดิม เวลาจะไปชอปปิงก็ไม่ต้องพกกระเป๋าสตางค์ไป หรือเวลาจะไปต่างประเทศ ก็สามารถยืนยันตัวตนได้ง่ายขึ้นในกรณีที่ Passport หาย
![ไบโอเมตริกซ์](https://www.dia.co.th/wp-content/uploads/2023/08/Jul1-2.jpg)
เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับ Biometric Technology
เทคโนโลยีที่เราเคยใช้ในการยืนยันตัวตน ก่อนที่จะนำไบโอเมตริกซ์ หรือ biometric มาใช้คือ การยืนยันตัวตนด้วยลายเซ็น การพิมพ์ และลายนิ้วมือ แต่ในปัจจุบัน องค์กรของรัฐและบริษัทขนาดใหญ่ได้นำ biometric authentication มาใช้ นั่นคือ การวิเคราะห์และเปรียบเทียบความแตกต่างของบุคคลผ่านทางกายภาพและทางพฤติกรรม โดยมีเทคโนโลยีbiometricที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
- ทางกายภาพ ยกตัวอย่างเช่น ฝ่ามือ ลายนิ้วมือ เส้นเลือดในฝ่ามือ ใบหน้า ม่านตา จอตา กลิ่น และ DNA
- ทางพฤติกรรม ยกตัวอย่างเช่น การพิมพ์ ลายเซ็น และเสียง
อย่างไรก็ตาม Biometric Technology บางประเภทนั้น มีค่าใช้จ่ายที่สูงอยู่มาก แถมยังไม่เสถียร เลยไม่นิยมนำมาใช้ คือ ยกตัวอย่าง น้ำเสียง เพราะมีการปลอมแปลงได้ หรือหากเจ้าของเสียงนั้นมีอาการเจ็บป่วย เช่น เจ็บคอ หรือมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เช่น เสียงแตกพานจากการเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ก็ทำให้เสียงแตกต่างไปจากเดิมได้ จึงไม่เป็นที่นิยมในการนำมายืนยันตัวตน โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่มีเทคโนโลยี Deepfake ซึ่งเป็นการปลอมแปลงเสียงและใบหน้าได้แล้ว
![ขั้นตอนการทำงานของ biometric technology](https://www.dia.co.th/wp-content/uploads/2023/08/Jul1-3-scaled.jpg)
ขั้นตอนการทำงานของ Biometric Technology
จะเห็นได้ว่า ไบโอเมตริกซ์ หรือ biometric นั้นมีหลักการทำงานไม่ต่างจากการใส่ password ลงในคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด แต่มีความสะดวกและคล่องตัวมากกว่า เพราะเราไม่ต้องจดจำข้อมูลเหล่านั้น เนื่องจากรหัสต่างๆ เป็นข้อมูลทางชีวภาพที่ติดอยู่กับเนื้อหนังของเรานั่นเอง เมื่อได้ตัวอย่าง Biometric Technology มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การนำข้อมูลมาประมวลผล โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
การรวบรวมข้อมูล
สำหรับขั้นตอนในการเก็บรวบรวบข้อมูลของ Biometric Technologyก็คือ การบันทึกลักษณะทางกายภาพของเราเข้าไปเก็บไว้ในฐานข้อมูล เช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา ใบหน้า หรือ น้ำเสียง ทำได้โดยการถ่ายรูป หรือใช้อุปกรณ์บันทึกเฉพาะอย่าง
การประมวลผลจากอัตลักษณ์
สำหรับขั้นตอนในการประมวลผลจากอัตลักษณ์ของ Biometric Technologyก็คือ การนำข้อมูลที่ได้มาจัดทำเป็นอัลกอริทึ่มก่อนจัดเก็บข้อมูล เช่น แปลงรูปใบหน้าให้เป็นสัดส่วนของจุดและเส้นตรง ที่ทำมุมกันระหว่างตา คิ้ว จมูก ปาก และคาง เป็นต้น
การจัดเก็บข้อมูล
สำหรับขั้นตอนในการจัดเก็บข้อมูลของ Biometric Technology คือ การนำข้อมูลที่แปลงเป็นอัลกอริทึมแล้วไปจัดเก็บไว้ให้เป็นระเบียบ พร้อมสำหรับการค้นหาและสืบค้นข้อมูลต่อไปในอนาคต โดยปกติแล้วจะเก็บข้อมูลเอาไว้ในฐานข้อมูลขององค์กรรัฐหรือบริษัทขนาดใหญ่โดยเฉพาะ
การเปรียบเทียบอัตลักษณ์
สำหรับขั้นตอนในการเปรียบเทียบอัตลักษณ์ของ Biometric Technology คือ การนำข้อมูลที่ได้มาเปรียบเทียบกับชุดข้อมูลในฐานข้อมูล ว่ามีความถูกต้องและสอดคล้องกันหรือไม่ โดยสามารถทำได้ 2 ลักษณะ ดังนี้
การระบุตัวตนของผู้ใช้
สำหรับการระบุตัวตนของผู้ใช้ โดย Biometric Authentication ซึ่งคือ การคีย์ข้อมูลลงไปในฐานข้อมูล เพื่อดึงข้อมูลที่มีขึ้นมา คล้ายกับการไขกุญแจหรือใช้ password โดยตรง แต่เปลี่ยนมาใช้เป็นใบหน้าหรือลายนิ้วมือแทน
การพิสูจน์ตัวตนของผู้ใช้
สำหรับการพิสูจน์ตัวตนของผู้ใช้ โดย Biometric Authentication สำหรับลักษณะนี้คือ การที่ใช้ข้อมูลจากแหล่งอื่นมาใช้ยืนยัน ว่าผู้ใช้งานคนนั้นเป็นคนเดียวกันกับข้อมูลที่มีในฐานข้อมูล เช่น ใช้การยืนยันผ่านบัตรประชาชนประกอบกับการถ่ายรูปหรือสแกนลายนิ้วมือ
การตัดสินใจ
สำหรับขั้นตอนในการตัดสินใจของ Biometric Technologyก็คือ การที่นำข้อมูลที่ได้รับมาเปรียบเทียบกับข้อมูลในฐานข้อมูล แล้วพิจารณาว่าเป็นคนคนเดียวกันหรือไม่
![biometric ประโยชน์](https://www.dia.co.th/wp-content/uploads/2023/08/Jul1-4-scaled.jpg)
ประโยชน์ของ Biometric Technology ที่นำมาใช้งานในด้านต่างๆ
อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า Biometric เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง เพราะสามารถช่วยให้เก็บข้อมูลได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น จึงนิยมนำไปใช้แพร่หลายในวงการด้านต่างๆ และจะยิ่งทวนความสำคัญเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากโครงการ Smart city หรือเมืองอัจฉริยะที่กำลังอยู่นขั้นวางแผนโครงสร้าง จะถูกนำมาสร้างในเป็นจริงในอีกไม่ช้า ซึ่ง Biometric Technology คือ คำตอบสำหรับการสร้างความปลอดภัยในสังคมของโลกอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยในปัจจุบัน เราสามารถนำเทคโนโลยีBiometric มาใช้ประโยชน์ได้มากมายหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
ด้านกฎหมาย
เราสามารถนำข้อมูล Biometric มาใช้ประโยชน์ทางด้านกฎหมายได้ โดยการตรวจสอบใบหน้าระหว่างเดินทางเข้าประเทศ โดยจะสามารถเป็นส่วนช่วยให้กับผู้รักษากฎหมายในการจับกุมตัวและสืบสวนการกระทำผิดทางอาญาของอาชญากรข้ามชาติได้ ซึ่ง Biometric Technology คือ คำตอบในการเพิ่มความปลอดภัยและลดอาชญากรรมระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันได้นำมาใช้ในสนามบินควบคู่กับการตรวจคนเข้าเมืองด้วย passport แล้ว
องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ
เราสามารถนำข้อมูล Biometric มาใช้ประโยชน์กับองค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ ได้ โดยองค์กรต่างๆ สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในการป้องกันข้อมูลในการค้นคว้าและวิจัย ในส่วนที่เป็นส่วนความลับของบริษัทหรือของหน่วยงาน หรือใข้ในการระวังภัยในการเข้าออกบริษัท ซึ่ง Biometric Technologyก็คือ คำตอบในการสร้างความมั่นใจให้กับองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ได้ว่า ข้อมูลอันมีค่าของพวกเขาจะไม่ถูกขโมยไป รวมถึงมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
ธุรกิจและอุตสาหกรรม
เราสามารถนำข้อมูล Biometric มาใช้ประโยชน์กับธุรกิจและอุตสาหกรรมได้ โดยการนำข้อมูลข่าวสารมาแลกเปลี่ยนระหว่างองค์กร รวมไปถึงการจ่ายเงินผ่านเครือข่ายต่างๆ ที่จะสามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำไบโอเมตริกไปใช้แทนกระเป๋าสตางค์ ซึ่ง Biometric Technologyนั้นคือ คำตอบที่เพิ่มความคล่องตัวในการชำระเงิน โดยในปัจจุบัน มีหลายประเทศทั่วโลกที่ใช้การชำระเงินในรูปแบบนี้ เช่น ในประเทศจีน เราสามารถจ่ายค่าสินค้าต่างๆ ในร้านมินิมาร์ทได้ด้วยการสแกนฝ่ามือหรือในประเทศสหรัฐอเมริกา เราสามารถซื้อสินค้าในร้านไฮเปอร์มาร์ทบางแห่งได้อย่างอิสระ เพราะการชำระเงินจะทำผ่านระบบจดจำใบหน้า ซึ่งควบคุมผ่านกล้องนับพันตัวที่ติดอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วร้านค้านั่นเอง
![biometric มีอะไรบ้าง](https://www.dia.co.th/wp-content/uploads/2023/08/Jul1-5-scaled.jpg)
ด้านการเงินและการธนาคาร
เราสามารถนำข้อมูล Biometric มาใช้ประโยชน์ทางด้านการเงินและการธนาคาร โดยการนำข้อมูลมาใช้ในการเชื่อมต่อกับ ATM, VPNs ตลอดจนสาขาย่อยอัตโนมัติอย่าง ATM Express ซึ่ง Biometric Technologyก็คือ คำตอบในการเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการและเพิ่มความน่าเชื่อถือในทางธนาคารเองด้วย ว่าสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างปลอดภัยเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม ไบโอเมตริกซ์ ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะในปัจจุบันนั้นมีเทคโนโลยี Deepfake ที่สามารถจำลองภาพใบหน้าและเสียงของคนอื่นขึ้นมาได้ ผ่านการใช้งาน AI เข้ามาช่วย ซึ่งยังเป็นจุดหนึ่งที่มีความอ่อนไหวต่อการปลอมแปลงข้อมูลในการเข้าถึงทรัพย์สินที่ฝากเอาไว้กับทางธนาคาร
ด้านการศึกษา
เราสามารถนำข้อมูล Biometric มาใช้ประโยชน์ทางด้านการศึกษาได้ โดยการนำกล้องมาติดตั้ง เพื่อนับจำนวนเด็กนักเรียนที่ขาด ลา มาสาย หรือติดกล้องในห้องเรียน เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของดวงตา ว่าเด็กมีความสนใจกับบทเรียนหรือไม่ จึงช่วยให้ทางโรงเรียนสามารถเก็บข้อมูลของผู้เรียน เพื่อวัดผลและประเมินผลทางการศึกษาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้นได้นั่นเอง ซึ่ง Biometric Technologyก็คือ คำตอบในการเรียนรู้แห่งโลกอนาคต
ด้านความปลอดภัยของระบบเน็ตเวิร์ก
เราสามารถนำข้อมูล Biometric มาใช้ประโยชน์ทางด้านความปลอดภัยของระบบเน็ตเวิร์กได้ โดยองค์กรสามารถนำมาใช้ในการทำเป็นรหัสในการเข้าถึงข้อมูล ในส่วนของอินเทอร์เน็ตองค์กร Extranets และ VPNs เป็นต้น ซึ่ง Biometric Technologyก็คือ คำตอบในการเพิ่มความปลอดภัย ในการทำงานแบบเครือข่ายที่ดีที่สุดของเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้
ด้านความปลอดภัยส่วนบุคคล
เราสามารถนำข้อมูล Biometric มาใช้ประโยชน์ทางด้านความปลอดภัยส่วนบุคคลได้ โดยการนำมาประยุกต์ใช้กับระบบรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ เช่น การสแกนหน้าหรือลายนิ้วมือก่อนเปิดเครื่อง ซึ่ง Biometric Technologyก็คือ คำตอบในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานทั่วไป ว่าสามารถรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวได้มากยิ่งขึ้น
Biometric Technology คือ เทคโนโลยีในการอ่านอัตลักษณ์ทางร่างกายของเรา เพื่อมาใช้แทน password มีขั้นตอนทั้งหมด 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย การรวบรวมข้อมูล การประมวลผลจากอัตลักษณ์ การจัดเก็บข้อมูล การเปรียบเทียบอัตลักษณ์ และการตัดสินใจ จะเห็นได้ว่า Biometric เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ เพราะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งกับวงการการศึกษาและภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากองค์กรใด หน่วยงานใด ธุรกิจใด หรือแม้แต่บุคคลธรรมดา มองเห็นความสำคัญของความปลอดภัยและเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตของ Biometric Technology ซึ่งคือ เทคโนโลยีที่จะเข้ามาแทนที่การเข้ารหัสแบบเดิมๆ แล้วล่ะก็ คุณเองก็สามารถนำ biometric มาใช้ เพื่อช่วยยกระดับในการรักษาความปลอดภัยให้เพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน
โดยทาง dIA เองก็พร้อมที่จะนำเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาช่วยดูแลความปลอดภัยต่างๆ ทั้งข้อมูล ทรัพย์สินของคุณและองค์กร หากคุณสนใจ สามารถติดต่อเราได้ที่ https://www.dia.co.th/solution/smart-office/