AI (Artificial Intelligence) เป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ที่มีความสามารถในการประมวลผล และสร้าง ออกแบบสิ่งต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่บรรดาผู้ใช้งาน โดย AI tools คือการนำเอาปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการผลิตหรือสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ผ่านการใช้งาน Generative AI ที่จะช่วยสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่ได้มีอยู่จริงมาก่อน ผ่านการเสนอไอเดียของเรา ร่วมกับ AI ให้ออกมาเป็นผลลัพธ์ที่เราต้องการ อาทิ รูปภาพ วิดีโอ เสียง หรือ คอนเทนต์ต่างๆ ตามแต่ผู้ใช้งานต้องการ 

ปัจจุบันมีผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยที่นำเอา AI tools มาใช้เป็นตัวช่วยในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ อีกทั้งยังมี AI tools มากมายที่ตอบสนองและให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งช่วยกระตุ้นไอเดีย ทำให้งานเสร็จไวขึ้น และประหยัดเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างมาก พร้อมทั้งประสิทธิภาพของการทำงานก็ดีไม่น้อยเลย ในปี 2567 AI tools มีอะไรบ้างที่น่าสนใจ ติดตามกันได้เลยผ่านบทความนี้

1. ChatGPT

1. ChatGPT

Chat GPT เป็น AI tools ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก เพราะ Chat GPT สามารถช่วยผู้เใช้งานในการค้นหาคำตอบได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคำถามทางคณิตศาสตร์ สูตรอาหาร แปลภาษา คำถามทั่วไป หรือแม้แต่กระทั่งมุกตลก ซึ่งตอบได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยสร้างสรรค์รูปแบบไอเดียให้กับงานเขียนได้เป็นอย่างดี เพียงแค่เราพิมพ์สิ่งที่เราต้องการลงไป จากนั้นระบบจะทำการประมวลผลออกมาตามสิ่งที่เราต้องการ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งต่องานสายผลิต ไม่ว่าจะเป็นบทความ งานเขียน งานศิลปะ เพลง บทกวี เป็นต้น 

  • จุดเด่น: เป็น AI tools 

ที่สามารถแสดงผลลัพธ์ออกมาเป็นบทสนาทนาหรือใช้ภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากๆ อีกทั้งยังแสดงผลลัพธ์ออกมาได้หลากหลายรูปแบบตามคำสั่งที่เราป้อนลงไป อีกทั้งยังมีความสามารถในการค้นหาข้อมูล คำตอบ ที่สูงมากเช่นกัน 

  • ค่าใช้จ่าย: มีทั้ง Chat GPT แบบฟรี และ Chat GPT Pro ที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ประมาณเดือนละ 1,370 บาท 
  • เว็บไซต์: chat.openai
2. Copy AI

2. Copy AI

Copy AI สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเนื้อหาที่เหมาะกับการเขียนอีเมล ข้อความที่เหมาะกับการลงเนื้อหาบนสื่อโซเชียล หรือการเขียนโฆษณา โดยมีเทมเพลตมากกว่า 90 แบบ ให้เลือกใช้งาน ซึ่งจะอ้างอิงมาจากคำสั่งที่ผู้ใช้งานได้กำหนด อีกทั้งยังเป็น AI tools ที่รองรับภาษาได้มากกว่า 25 ภาษา เหมาะอย่างยิ่งต่อผู้ใช้งานหลากหลายตำแหน่งที่ทำงานด้านการผลิตสื่อโฆษณา สายธุรกิจ การตลาด หรือ SEO  

  • จุดเด่น: สร้างงานเขียนโฆษณาและเนื้อหาที่น่าพึงพอใจได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะมีอินพุตเพียงเล็กน้อยก็ตาม 
  • ค่าใช้จ่าย: ฟรีสำหรับการทดลองใช้งาน หรือเลือกจ่ายรายเดือน เดือนละ 1,245 บาท ซึ่งรองรับผู้ใช้งานแบบกลุ่มได้มากถึง 5 คน
3. Canva

3. Canva

Canva เป็น AI tools ที่เหมาะแก่การใช้งานด้านออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพปกโฆษณา นิตยสาร หนังสือ ภาพโปสเตอร์ ทำงานพรีเซ้น หรือสร้างคอนเทoต์รูปภาพ โดยสามารถใช้ออกแบบ artwork ได้ง่ายๆ ผ่านเทมเพลตและลูกเล่นต่างๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ แม้ผู้ใช้งานไม่มีทักษะด้านศิลปะก็สามารถออกแบบและปรับแต่ง artwork ได้ตามต้องการ เพื่อให้ออกมาดูดีและสวยถูกใจได้ง่ายๆ จึงเป็น AI tool  ที่เหมาะแก่ผู้ใช้งานทุกรูปแบบ

  • จุดเด่น: ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และสร้างผลลัพธ์ออกมาได้อย่างสวยงาม แม้ผู้ใช้งานจะไม่ถนัดงานด้านศิลปะหรือการออกแบบก็ตาม
  • ค่าใช้จ่าย: เป็นแบบ App AI free หรือสามารถเลือก Canva Pro เพื่อฟังก์ชันการทำงานที่มากขึ้น โดยจ่ายเริ่มต้นเดือนละ 1,850 บาท
  • เว็บไซต์: canva.com
4. Jasper

4. Jasper

Jasper เป็นหนึ่งใน AI tools ที่ช่วยผู้ใช้งานในการสร้างคอนเทนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบล็อกโพสต์ รายงาน งานศิลปะ อีเมล เขียนบทความทั้งด้านธุรกิจ การตลาด ข่าวสาร และ SEO ที่มีภาษาให้เลือกถึง 26 ภาษา เหมาะอย่างยิ่งต่อผู้ใช้งานเชิงธุรกิจ ที่ต้องการผลิตคอนเทนต์แบบครบวงจรทั้งเนื้อหา ข้อความ คำโฆษณา และรูปภาพ กราฟฟิกไว้ในที่เดียว เรียกได้ว่า Jasper เป็น AI Tool for Business เลยก็ว่าได้ 

  • จุดเด่น: สามารถสร้างหรือเขียนงานของเราได้อย่างมืออาชีพ ถูกหลักภาษา พร้อมกับมีความเป็นธรรมชาติ
  • ค่าใช้จ่าย: มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ราวๆ 1,446 บาท ต่อเดือน 
  • เว็บไซต์: jasper.ai
5. Grammarly

5. Grammarly

DALL.E.2 คือหนึ่งใน AI Tools ที่ถูกเปิดตัวโดย OpenAI ผู้สร้าง Chat GPT ที่กลายเป็นที่นิยมไปยังทั่วโลก โดย DALL.E.2 เป็น AI Tools ที่ใช้สำหรับการสร้างและการออกแบบภาพ ผ่านชุดคำสั่งที่ผู้ใช้งานต้องการ ผ่านการใส่คีย์เวิร์ดหรือการเลือกรูปภาพของเรา เพื่อมาประมวลผลและสร้างงานออกมา นอกจากนี้แล้วยังสามารถช่วยแก้ไขรูปภาพให้แก่เราได้ด้วยเช่นกัน   ผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาเป็นงานศิลปะที่มีความเป็นธรรมชาติ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเป็นเจ้าของผลงานได้เลยโดยไม่ผิดลิขสิทธิ์ 

  • จุดเด่น: สามารถสร้างภาพออกมาได้อย่างง่ายดายและมีความเป็นธรรมชาติทางศิลปะสูง  เพียงแค่ป้อนคีย์เวิร์ดหรือเลือกภาพของเรามาปรับแต่ง
  • ค่าใช้จ่าย: สามารถใช้งานได้ฟรี แต่มีการจำกัดจำนวน ส่วนการใช้งานเพิ่มเติมจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ประมาณ 445 บาท ต่อเดือน  
  • เว็บไซต์: openart.ai
6. DALL.E 2

6. DALL.E 2

การวิเคราะห์แบบพยากรณ์ (Predictive analytics) เป็นการวิเคราะห์ข้อมูล Data Analytics เชิงคาดการณ์ หรือเชิงคำทำนาย เพื่อทำนายถึงที่จะเกิดขึ้น หรือคาดว่าจะเกิดขึ้น โดยรวบรวมข้อมูลที่มีในอดีต มาสร้างแบบจำลองทางสถิติ หรือ ใช้ AI (Artificial intelligence) มาช่วยวิเคราะห์ฐานข้อมูลใน Big Data Analytics เพื่อหาความน่าจะเป็น โอกาสที่อาจจะเกิดขึ้น หรือความเสี่ยงต่างๆ เช่น การนำข้อมูลยอดขายในอดีต มาคาดการณ์ยอดขายในอีก 1 ปีข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร สินค้าหรือบริการแบบไหนที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่พูดถึง ในอนาคตจะมีกลุ่มเป้าหมายไหนบ้างที่จะมาเป็นลูกค้า เป็นต้น 

ดังนั้น การวิเคราะห์แบบพยากรณ์จึงเหมาะกับธุรกิจและองค์กรหลากหลาย เช่น ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ธุรกิจความงาม การให้บริการด้านอื่นๆ รวมถึงใช้พยากรณ์อากาศ และการคาดการณ์ความเสี่ยงของการลงทุนในสินทรัพย์

7. Genei

7. Genei

Genei เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานที่มีความสนใจในการศึกษาวิเคราะห์หรือสร้างผลงานวิจัย สามารถประหยัดเวลาในการอ่าน การศึกษาค้นคว้าข้อมูลวิจัย เนื่องจาก Genei เป็น tool AI ที่มีเครื่องมือเพื่อช่วยสรุปบทความ ตลอดจนวิดีโอ ข้อมูลต่างๆ ให้กระชับแต่ยังคงไว้ซึ่งใจความสำคัญของข้อมูลนั้นๆ เพียงแค่เราเพิ่มคีย์เวิร์ดหรือหัวข้อต่างๆ ที่เราสนใจลงไป ระบบจะทำการประมวลเพื่อหาข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องมาแสดงผลให้กับเรา

  • จุดเด่น: มีความแม่นยำในการประมวลผลข้อมูลเชิงลึก และมีการจัดเก็บเอกสารเอาไว้ผ่านคลาวด์ อีกทั้งยังมีการอ้างอิงข้อมูลมาจากหลากหลายแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ 
  • ค่าใช้จ่าย: สามารถทดลองใช้ฟรีได้ และจะต้องสมัครเพื่อเริ่มใช้งาน โดยเริ่มต้นที่เดือนละประมาณ 461 บาท
8. Beautiful.ai

8. Beautiful.ai

AI tools ที่ถูกสร้างมาเพื่องานนำเสนอ Presentation อย่าง Beautiful.ai โดยจะสร้างผลลัพธ์ของ presentation ออกมาจากข้อความ รูปภาพ สัญลักษณ์ที่ผู้ใช้งานได้ใส่ลงไปในงานของตน ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการสร้างงานนำเสนอได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งผลลัพธ์ที่ออกมายังมีความสอดคล้องกับเนื้อหาสาระที่จะถูกนำเสนอด้วยเช่นเดียวกัน โดย Beautiful.ai เหมาะกับบุคคลและองค์กรที่ต้องการสร้าง Presentation อย่างมืออาชีพ

  • จุดเด่น: สามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างสะดวกกับเพื่อร่วมทีม สามารถค้นหาผ่านไลบรารีของสไลด์ได้ มีการวิเคราะห์ขั้นสูงเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อีกทั้งยังสามารถแทรกเสียงบรรยายผ่านสไลด์ได้ 
  • ค่าใช้จ่าย: การใช้งานเริ่มต้นที่ประมาณ 445 บาท ต่อเดือน
  • เว็บไซต์: beautiful.ai 
9. Surfer

9. Surfer

Surfer คือตัวช่วยที่จะทำให้คอนเทนต์ของคุณสามารถติดอันดับบน Google ได้ เหมาะอย่างยิ่งต่อธุรกิจด้านการตลาดออนไลน์ SEO ที่ต้องการ Ranking สวยๆ ที่จะทำให้ผู้คนสามารถเห็นคอนเทนต์ของเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่ง Surfer เป็น AI tools for business ที่สามารถสร้างคอนเทนต์การตลาดให้กับองค์กรได้ผ่านการใส่ keyword ลงไป แล้วระบบจะทำการประมวลรูปแบบ สร้างผลลัพธ์ให้คอนเทนต์หรือบทความมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น 

  • จุดเด่น: สามารถใช้งานร่วมกับระบบจัดการอื่นๆ ได้ อาทิ Google Docs หรือ Jasper เป็นต้น มีการสร้างบทความอย่างครบวงจร ทั้งโครงสร้างเนื้อหา ปรับแต่งคอนเทนต์ให้เหมาะกับแต่ละภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ ตรวจสอบการลอกบทความ รวมถึงการให้คะแนนคอนเทนต์ 
  • ค่าใช้จ่าย: การใช้งานต่อเดือน เริ่มต้นที่เดือนละ 3,302 บาท 
  • เว็บไซต์: surferseo.com
10. Descript

10. Descript

Descript มีคุณสมบัติที่เหมาะต่อการใช้งานของสายผลิตคอนเทนต์เสียงหรือวีดิโอ โดยมี AI tools ที่จะประเมินเสียงและทำการตัดแต่งเสียงออกมา เพื่อให้ผู้ฟังสามารถเข้าใจเรื่องราวของผู้พูดได้อย่างไม่ขาดตอนหรือไม่มีสะดุด พร้อมทั้งลดเสียงรบกวนในระหว่างการอัดได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีการทำงานที่จะช่วยเขียน ถอดเสียง หรือบันทึก แก้ไขเสียงได้อย่างง่ายดาย สะดวกและรวดเร็ว เหมาะแก่การทำคอนเทนต์วิดีโอ หรือ Podcast มากเลยทีเดียว 

  • จุดเด่น: สามารถทำงานร่วมกับแอปอื่นๆ ได้ โดยคุณสมบัติคือ สามรถบันทึกหน้าจอ ช่วยถอดข้อความเสียง หรือทำเสียง AI ได้
  • ค่าใช้จ่าย: เริ่มต้นที่เดือนละ 445 บาท หรือเลือกการเสียค่าใช้จ่ายตามจำนวนงานที่สร้างออกมาได้เช่นกัน 
11. Synthesia

11. Synthesia

คอนเทนต์วิดีโอที่ถูกสร้างหรือเสริมคุณภาพด้วย AI tools อย่าง Synthesis จะช่วยสร้างคอนเทนต์ได้หลากหลายรูปแบบ และลดทรัพยากรบุคคลในการทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้แสดงหรือองค์ประกอบสถานที่ โดยระบบสามารถช่วยผู้ผลิตสร้างอวตารขึ้นมาแทนบุคคลได้ด้วย AI และจะเลือกลักษณะของอวตารให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ของเราได้ การใช้งานก็ง่ายและไม่ยาก แม้ผู้ใช้งานจะไม่ถนัดหรือเป็นมือใหม่ในด้านการตัดต่อวิดีโอก็สามารถใช้งาน AI tools นี้ได้ 

  • จุดเด่น: สามารถเลือกภาษาและสำเนียงพูดได้มากกว่า 120 ภาษา มีเทมเพลตให้เลือกมากกว่า 60 รูปแบบ ใช้งานง่ายด้วยการมีคลังสื่อและการบันทึกหน้าจอไว้ให้ในตัว 
  • ค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 815 บาท ต่อเดือน 
  • เว็บไซต์: synthesis.io
12. Growbots

12. Growbots

Growbots เป็น AI tools for business ที่จะนำ AI มาเพื่อช่วยสร้างประสิทธิภาพ และโอกาสทางด้านการขายให้กับธุรกิจ ซึ่ง AI tools อันนี้จะช่วยในการแก้ไข ปรับปรุงลักษระการขายให้มีความเหมาะสมต่อกลุ่มลูกค้า โดยการใช้งานคือการที่เราจะต้องเลือกกลุ่มเป้าหมายของเรา ตั้งเป้าการขาย และทำการค้นหาฃลูกค้าเพียงระยะเวลาสั้นๆ และจะช่วยวิเคราะห์และเลือกลูกค้าที่มีโอกาสในหารซื้อเข้ามาให้แก่ผู้ใช้งานที่เป็นผู้ขายได้ดำเนินธุรกิจต่อไป 

  • จุดเด่น: สามารถสร้างการติดต่อได้หลากหลายช่องทาง มีการตรวจและค้นหากลุ่ทลูกค้าที่แม่นยำ นอกจากนี้ยังมีการช่วยด้านอีเมลและการติดตามผลอีกด้วย 
  • ค่าใช้จ่าย: สามารถทดลองใช้งานได้ฟรี จากนั้นจึงมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ประมาณ 1,818 บาท ต่อเดือน 
  • เว็บไซต์: growbots.com
13. Calendly

13. Calendly

Calendery เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในแวดวงธุรกิจ ซึ่งมี AI tools ที่ช่วยในการจัดตารางเวลาการประชุม กำหนดการประชุม ซึ่งเราสามารถแชร์กับผู้ร่วมใช้งานท่านอื่นๆ ที่เราเลือกไว้ได้ ซึ่งพวกเขาจะสามารถเช็กตารางงานของเราได้ว่าว่างช่วงไหน หรือหากมีประชุมร่วมกันก็ทำให้เราไม่ต้องส่งอีเมลเพื่อแจ้งเตือน แต่ระบบจะทำหน้าที่นั้นให้เอง เพียงแค่เลือกบุคคลที่สามารถมีส่วนร่วม และวันเวลาตามการนัดหมายที่เราต้องการได้เลย 

  • จุดเด่น: สามารถใช้งานร่วมกันกับแอปปฏิทินอื่นๆ ได้ 

สามารถปรับเวลาตามเขตเวลาท้องถิ่นของแต่ละบุคคลได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถตั้งเวลาบัฟเฟอร์ในระหว่างการประชุมได้ 

  • ค่าใช้จ่าย: สามารถเลือกการใช้งานขั้นพื้นฐานได้ฟรี หรือหากต้องการใช้งานในฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติม ราคาเริ่มต้นประมาณ เดnอนละ 371 บาท 
14. Time Doctor

14. Time Doctor

Time Doctor คือเครื่องมือที่จะช่วยในการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลการเคลื่อนไหวในการทำงานของบุคคลในองค์กรของเรา ซึ่งสามารถสรุปและแจ้งผลให้เราทราบได้ นอกจากนี้ AI tools ยังช่วยในการวิเคราะห์ และประเมินประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหว การทำงานของบุคคล เพื่อช่วยแนะนำในการพัฒนาบุคลากรได้ อีกทั้งยังมีตัวช่วยที่จะแจ้งเตือนบุคคลหากมีการทำงานที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปอีกด้วย 

  • จุดเด่น: สามารถตรวจสอบ แสดงผล สรุป และดูแลการทำงานของบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีการสร้างตารางบันทึกการทำงานและบัญชีเงินแบบออนไลน์
  • ค่าใช้จ่าย: ทดลองใช้งานได้ฟรี และจากนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ประมาณ เดือนละ 219 บาท
  • เว็บไซต์: timedoctor.com
15. ProfilePicture.ai

15. ProfilePicture.ai

อีกหนึ่งใน AI tools ที่ช่วยสร้างรูปภาพที่น่าสนใจคือ ProfilePicture.ai ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสร้างรูปโปรไฟล์ที่เป็นร่างอวตารได้อย่างสวยงาม และมีเอกลักษณ์ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกเทมเพลตตามที่เราต้องการได้ ทั้งรูปหน้า สไตล์ เสื้อผ้า ทรงผม ตามแต่ที่เราต้องการได้ นอกจากนี้แล้วยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจมากมายที่จะช่วยให้เราสามารถสร้างผลงานออกมาได้อย่างน่าสนใจ 

  • จุดเด่น: มีลูกเล่นให้เลือกหลายแบบ พร้อมทั้งสามารถสร้างผลลัพธ์ออกมาได้มากกว่า 350 สไตล์ให้เราเลือก และที่สำคัญคือข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัย จึงมีความเป็นส่วนตัวสูง 
  • ค่าใช้จ่าย: ทดลองใช้งานฟรี หรือเริ่มต้นใช้งานจริง โดยค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณเดือนละ 356 บาท 
  • เว็บไซต์: Profilepicture.ai

สรุป

AI tools คือเทคโนโลยีที่ได้เข้ามาช่วยให้การทำงานของเราง่ายมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน โดยมี AI tools ที่ถูกสร้างมาเพื่อการใช้งานในหลากหลายรูปแบบและตอบสนองต่อกลุ่มคนที่แตกต่างกัน ตั้งแต่บุคคลธรรมดา ไปจนถึงองค์กร หน่วยงาน หรือผู้ที่ต้องการสร้างแนวทางและผลงานให้กับธุรกิจของตน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ที่ทำงานด้านการตลาดออนไลน์ SEO นักสร้างคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ เป็นต้น เรียกได้ว่ามีทั้ง AI tools ที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป จนถึง AI tools for business เลยทีเดียว 

dIA AI Consultant จะมีการให้คำแนะนำเพื่อการเอาศักภาพของระบบ Ai ที่ครบครันออกมา ซึ่งจะเข้ามาช่วยคุณในการคิดค้นไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจ สร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่น หรือสร้างโอกาสในธุรกิจของเราให้สามารถเข้าถึงผู้คนได้เพิ่มมากขึ้น ภายใต้การปรึกษาและการให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้าน AI โดยเฉพาะ ที่จะช่วยประเมินผลลัพธ์และให้คำแนะนำตามความต้องการและสอดคล้องไปกับความเหมาะสมในการดำเนินธุรกิจ เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่ความก้าวหน้าได้