Artificial Intelligence หรือ AI เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีปัญญาประดษฐ์ที่น่าจับตามอง เพราะมีส่วนช่วยสำคัญในการทำธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะ AI Transformation เป็นตัวช่วยในการปลดล็อกศักยภาพขององค์กร และเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูองค์ประกอบ ข้อดี-ข้อจำกัด และวิธีปรับเปลี่ยนองค์กรด้วย AI ไปพร้อมกันได้ในบทความ

AI Transformation คืออะไร

AI Transformation คืออะไร

AI Transformation คือ หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญ ที่ได้รับความนิยม สำหรับการเปลี่ยนแปลง Digital Transformation ทั้งในภาคธุรกิจและองค์กร โดยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรียกกันว่า AI เข้ามาวางแผน ปรับปรุง ประยุกต์ และพัฒนากลยุทธ์การทำงานด้านต่างๆ ของธุรกิจและองค์กร เช่น การวิเคราะห์ การวางแผน การเก็บรวบรวมข้อมูล และการประเมินผลต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน พร้อมทั้งช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปอย่างก้าวหน้าและทันสมัย ด้วยเครื่องมือที่ตอบโจทย์ อีกทั้งช่วยให้ธุรกิจหรือองค์กรสามารถทำความเข้าใจ และตอบโจทย์ความต้องการให้กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด

ใช้ Digital Transformation ในการปรับเปลี่ยนองค์กรได้อย่างไร

ก้าวสู่ความเป็นองค์กรยุคใหม่ด้วย AI Consultant

สำหรับการใช้ Digital Transformation ในขั้นตอนการทำงาน ก็สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น มีอะไรบ้าง

1. วางแผนการใช้ AI Transformation ในองค์กร

การวางแผนการใช้ AI Transformation ในองค์กร คือ การประเมินศักยภาพขององค์กรว่า อยู่ในระดับใด จากนั้นเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล กำหนดแนวทาง วางการกลยุทธ์ และตั้งเป้าหมายที่ต้องการ เพื่อที่จะได้กำหนดบทบาทของ AI ให้ชัดเจนว่า จะนำ AI มาปรับใช้กับกระบวนการทำงานแบบใดบ้าง หรือกำหนดหน้าที่ที่ต้องการนำ AI ไปใช้งาน เช่น การใช้ AI ช่วยบันทึกเสียงการประชุม การบรรยาย การสัมภาษณ์ พร้อมทั้งให้ AI ถอดเสียงและสรุปผล หรือการดูแลและให้บริการแก่ลูกค้า โดยให้ AI ดึงข้อมูลที่มีอยู่มาวิเคราะห์ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด

ซึ่งการนำ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น สร้างผลตอบแทนและสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจได้ในระยะยาว ทั้งนี้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ การใช้ AI Transformation ในองค์กร เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน อย่าง dIA AI Consultant  โดยเริ่มตั้งแต่ ขั้นตอนการวางแผน การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนการติดตามและสรุปผลการทำงาน ช่วยปรับระบบการทำงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ และพัฒนาธุรกิจให้เติบโต

2. จัดทำโครงการนำร่อง

โครงการนำร่อง คือ การทดลองดำเนินงานกับโครงการเล็กๆ หรือกลุ่มเป้าหมายทดลอง ก่อนที่จะขยายผลไปสู่การดำเนินงานในระดับธุรกิจหรือองค์กร โดยพิจารณาว่า องค์กรหรือธุรกิจมีรูปแบบการทำงานอย่างไร มีต้นทุน และผลตอบแทนของการดำเนินงานเท่าใด เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงระบบการทำงาน เช่น การทดลองใช้ AI Transformation ภายในองค์กร สำหรับการประมวลผลเอกสารอัตโนมัติ การใช้ AI ช่วยตอบคำถามอัตโนมัติ เพื่อให้พนักงานในองค์กรได้รับการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว หรือ AI ตรวจจับใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนของพนักงาน

การทำโครงการนำร่อง โดยใช้ AI Transformation จะทำให้องค์กรเห็นผลลัพธ์ของรูปแบบการทำงานตั้งแต่ยันจบว่า การทำงานมีปัญหาหรือไม่ มีตรงไหนบ้างที่ต้องแก้ไขปรับปรุง เพื่อการพัฒนาองค์กรในครั้งต่อไป

3. จัดตั้งทีม AI ในองค์กร

ขั้นตอนต่อมาของกระบวนการ AI Transformation คือ การจัดตั้งทีม AI ภายในองค์กร เพื่อช่วยในการทำงาน เป็นวิธีที่มีประโยชน์ต่อการทำงานในระยะยาว มากกว่าการจ้าง Outsource ในการทำงาน โดยการวิเคราะห์ระบบการทำงานว่า ส่วนไหนที่เหมาะกับการใช้เทคโนโลยี AI และส่วนไหนที่คนสามารถทำงานได้ดีกว่า เพราะบางงานก็อาจไม่ได้เหมาะกับการใช้เทคโนโลยี AI และงานบางอย่าง AI ก็ไม่สามารถทำงานแทนคนได้ 100% เช่นกัน

ทำให้การจัดตั้งทีมจึงเป็นผลดีต่อการบริหารจัดการ ช่วยพัฒนาองค์กร ให้สามารถขยายหรือปรับรูปแบบการทำงานได้ในระยะยาว

4. อบรมการใช้ AI แก่พนักงาน

การฝึกอบรมการใช้ AI Transformation กับพนักงานในองค์กร คือ การสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับพนักงานในองค์กรเกี่ยวกับการใช้ AI ในการทำงาน เนื่องจาก พนักงานในองค์กร อาจไม่ได้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ เทคโนโลยี AI มากนัก ทำให้การฝึกอบรม ก็จะทำให้พนักงานได้นำเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้พนักงานเข้าใจตรงกันว่า องค์กรไม่ได้นำเทคโนโลยี มาทำงานแทนคน แต่เป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยการจัดอบรมบุคคลในองค์ตามบทบาทหน้าที่ของคน ควบคู่กับการส่งเสริมให้แต่ละแผนกนำ AI ไปปรับใช้กับรูปแบบการทำงาน ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะของพนักงานให้ก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น หากผู้บริการ หัวหน้าทีม และพนักงานในองค์กร มีความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้งาน สามารถปรับตัวเข้ากับการทำงานได้ ก็จะทำให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโตและจะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

5. ยกระดับการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์กร

หากการสื่อสารภายในและภายนอกองค์กรดี จะทำให้นโยบายการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงสร้างความประทับใจให้กับผู้ติดต่อด้วย ซึ่งขั้นตอนการยกระดับนั้น พนักงานภายในองค์กรต้องเข้าใจถึงรูปแบบการสื่อสารได้เป็นอย่างดี รวมถึงองค์กรต้องปรับรูปแบบการสื่อสารทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงาน เป็นอีกขั้นตอนสำคัญของการทำ AI Transformation ที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรและพนักงานในองค์กรด้วย

6. ติดตาม สรุปผล ปรับปรุง AI Transformation

ขั้นตอนสุดท้ายอย่าง ติดตาม สรุปผล และปรับปรุง กระบวนการ AI Transformation คือ แนวทางที่ทำให้องค์กรมีการปรับปรุงและการพัฒนาการใช้ AI สำหรับการสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า สนับสนุนให้องค์กรมีการใช้กลยุทธ์เพื่อกำหนดทิศทางขององค์กร หรือกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามต้องการ อย่างการนำข้อมูลทั้งหมด มาวิเคราะห์ พร้อมทั้งปรับปรุง แก้ไข และควบคุมการทำงานให้เป็นไปตามแบบแผนที่กำหนด

แน่นอนว่าส่งผลดีต่อองค์กร ในแง่การปรับปรุง การพัฒนาเป้าหมายได้อย่างตรงจุด และการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ธุรกิจและอุตสาหกรรมใดที่ควรใช้ AI Transformation

ธุรกิจและอุตสาหกรรมใดที่ควรใช้ AI Transformation

ในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก กับกระบวนการทำงาน การปรับปรุงและพัฒนา ทั้งในภาคทำธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ควรใช้ Digital Transformation เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน ตัวอย่าง การรักษาพยาบาล การเงินและการธนาคาร การผลิตและการส่งออกต่างๆ อุตสาหกรรมยานยนต์ และ E-commerce เพื่อพัฒนา ปรับปรุง อำนวยความสะดวก และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด

ข้อดี-ข้อจำกัดของ AI Transformation

การนำ AI Transformation หรือ Digital Transformation มาใช้ในกระบวนการทำงาน ก็มีข้อดีข้อเสีย ที่ควรรู้ ดังนี้

ข้อดีของ AI Transformation

  • การใช้ AI Transformation สามารถประมวลผลข้อมูลได้แม่นยำและรวดเร็ว
  • AI ช่วยลดข้อผิดพลาดจากการทำงาน จากความเหนื่อยล้า หรือการหักโหมงานที่หนักเกินไป จนทำให้ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน
  • สามารถทำงานในพื้นที่ความเสี่ยงสูงได้ จึงช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายในการทำงาน
  • ข้อดีของ AI คือ สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง จาก Machine Learning
  • AI Transformation ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างแม่นยำ เช่น การจำแนกใบหน้า การแปลภาษา การวิเคราะห์ภาพ และการวิเคราะห์ หรือวินิจฉัยโรค

ข้อจำกัดของ AI Transformation

  • บางครั้งการใช้ AI ในการทำงานบางงาน ก็ทำให้พนักงานสูญเสียงาน หรือการถูกเลิกจ้าง
  • หากข้อมูลไม่เพียงพอต่อการทำงาน ก็ส่งผลให้ AI Transformation ไม่สามารถวิเคราะห์ระบบการทำงานได้
  • ความปลอดภัยในการใช้งาน ที่ระบบ AI อาจถูกแฮกหรือถูกโจมตี จนนำไปสู่ความเสียหายเกี่ยวกับธุรกิจ
  • ข้อเสียของ AI Transformation คือ การใช้เงินลงทุนในปริมาณมาก เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการใช้งานในปัจจุบัน
  • ทักษะและความสามารถบางอย่างของมนุษย์ ก็เป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถเลียนแบบได้ เช่น ทักษะการติดต่อสื่อสาร หรือทักษะการบริการ

สรุป

AI Transformation คือ เทคโนโลยีสำคัญ ที่ช่วยในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจและองค์กร สู่ความเป็นดิจิทัล หรือที่เรียกว่า Digital Transformation ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ลดทรัพยากรที่ไม่จำเป็น ลดขั้นตอนการทำงาน เพื่อให้พนักงานได้มีเวลาทำอย่างอื่น รวมถึงการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจและองค์กร เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและองค์ให้ก้าวหน้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ


หากผู้ประกอบการธุรกิจ หรือองค์กร ต้องการตัวช่วยในการปลดล็อกศักยภาพทางธุรกิจ ด้วยการใช้ AI Transformation เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน ทาง dIA ก็มี dIA AI Consultant ซึ่งเป็น ระบบ AI มาช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน จากการลงมือทำด้วยตนเอง ตั้งแต่การวางแผนและวางกลยุทธ์ในการทำงาน ไปจนถึงการประมวลผลลัพธ์จากการดำเนินงาน เพื่อยกระดับการทำธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ